Low-code / No-code

Low-code / No-code คืออนาคต! เลือก Hosting ยังไงให้เว็บเร็ว เสถียร และใช้งานง่าย

โลกของเว็บไซต์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในอดีตการสร้างเว็บไซต์อาจต้องจ้างทีม Developer, Designer และใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะขึ้นระบบได้จริง แต่ในปี 2025 เทคโนโลยี Low-code / No-code ได้กลายเป็นกระแสหลักที่ทำให้ทุกคนสามารถสร้างเว็บไซต์ได้เอง แม้ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรมเลยก็ตาม

นี่จึงเป็นโอกาสใหญ่ของธุรกิจและผู้ประกอบการรายย่อย ที่ต้องการเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ประหยัดต้นทุน และควบคุมเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง 100% แต่ “ความง่ายในการสร้างเว็บ” จะไม่เพียงพอ หากคุณเลือก Hosting ไม่ดี หรือไม่เหมาะกับแพลตฟอร์มเหล่านี้

Low-code / No-code คืออะไร?

Low-code คือ

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้งาน ลาก-วาง (Drag & Drop) องค์ประกอบต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก แต่ยังสามารถเขียนโค้ดบางส่วนเพื่อปรับแต่งตามต้องการ เหมาะสำหรับนักพัฒนาหรือผู้มีพื้นฐานไอทีเล็กน้อย

No-code คือ

ระบบที่ ไม่ต้องเขียนโค้ดเลยแม้แต่บรรทัดเดียว ใช้งานผ่านอินเทอร์เฟซสำเร็จรูป เช่น ปรับสี ใส่รูป เพิ่มเนื้อหาผ่านหน้าจอกราฟิก เหมาะกับเจ้าของธุรกิจ นักการตลาด หรือบุคคลทั่วไป

ตัวอย่างเครื่องมือยอดนิยม

  • WordPress + Elementor
  • Wix
  • Webflow
  • Shopify
  • Google Sites
  • Bubble
  • Glide

แพลตฟอร์มเหล่านี้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างเว็บไซต์ E-Commerce, Blog, Landing Page หรือแม้กระทั่งระบบหลังบ้าน โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วันเท่านั้น

no code low code2

ทำไมธุรกิจควรหันมาใช้ Low-code / No-code

ในยุคที่ “เร็วกว่า” คือ “ได้เปรียบกว่า” นี่คือเหตุผลที่ธุรกิจยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม Low-code / No-code

1. ลดเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์

จากเดิมต้องใช้เวลาหลายเดือน เหลือเพียงไม่กี่วัน เว็บไซต์สามารถออนไลน์ได้ทันทีตามแผนการตลาด

2. ประหยัดค่าใช้จ่าย

ไม่ต้องจ้างทีมงานหลายฝ่าย ไม่ต้องลงทุนใน Software หรือ Server แพง ๆ

3. ควบคุมได้ด้วยตัวเอง

เจ้าของเว็บไซต์สามารถปรับแต่งเนื้อหา แก้ไขข้อมูลได้ทันที ไม่ต้องพึ่งทีมไอที

4. พร้อมแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

เมื่อต้องการทดสอบไอเดียใหม่ เว็บไซต์ที่เปิดใช้งานเร็วคือข้อได้เปรียบ

5. ปรับขยายธุรกิจได้ตลอดเวลา

เมื่อธุรกิจเติบโต แพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถขยับขยายเพื่อรองรับผู้ใช้หรือสินค้าเพิ่มเติมได้

แล้ว Hosting แบบไหนถึงจะเหมาะ?

แม้ Low-code / No-code จะช่วยให้สร้างเว็บได้ง่าย แต่เบื้องหลังเว็บไซต์ยังต้องอาศัย Hosting ที่มี โครงสร้างเสถียร รองรับระบบอัตโนมัติ และไม่ซับซ้อน

โฮสติ้งที่เหมาะสมควรมีคุณสมบัติดังนี้

  1. รองรับ CMS และ Web Builder ยอดนิยม
    – เช่น WordPress, Joomla, Drupal, Shopify หรือ Webflow
  2. มีระบบติดตั้งอัตโนมัติ (Auto Installer)
    – เช่น Softaculous เพื่อติดตั้ง CMS ได้ในคลิกเดียว
  3. มีระบบแคชและ CDN
    – ช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็ว แม้ผู้เข้าชมมาจากหลายภูมิภาค
  4. ฟรี SSL และรองรับ HTTPS
    – เพื่อความปลอดภัยและการจัดอันดับ SEO ที่ดี
  5. ระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ (Daily Backup)
    – ป้องกันข้อมูลสูญหายจากการอัปเดตผิดพลาด
  6. ใช้งานง่ายผ่าน cPanel หรือ Dashboard ที่เป็นมิตร
    – เหมาะกับผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นฐานเทคนิค
  7. บริการ Support ที่เข้าใจกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป
    – ไม่พูดแต่ศัพท์เทคนิค แต่เข้าใจความต้องการเชิงธุรกิจ

ทำไม THAI DATA HOSTING ตอบโจทย์ผู้ใช้ Low-code / No-code

THAI DATA HOSTING พัฒนาโครงสร้างโฮสติ้งให้ใช้งานง่าย รองรับเครื่องมือยอดนิยมอย่าง WordPress, Elementor, Webflow, และ CMS อื่น ๆ พร้อมระบบที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ได้ทันที แม้ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิค

จุดเด่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

  • รองรับ WordPress, Elementor, WooCommerce และ CMS ครบทุกประเภท
  • Auto Installer มากกว่า 400 โปรแกรม พร้อมเริ่มงานได้ทันที
  • ใช้งานง่ายด้วย cPanel ภาษาไทย
  • ฟรี SSL พร้อมระบบความปลอดภัย 3 ชั้น
  • โหลดเร็วด้วย SSD และ CDN
  • ทีม Support พร้อมช่วยเหลือ 24/7 แม้คุณไม่มีพื้นฐาน IT
  • ย้ายเว็บไซต์ฟรี จากโฮสต์เดิมโดยไม่มี Downtime

สรุป

Low-code / No-code กำลังเปลี่ยนวิธีที่โลกสร้างเว็บไซต์ แต่ว่าเว็บไซต์ที่ดี ต้องวางอยู่บนโฮสติ้งที่ดีด้วย หากคุณต้องการเริ่มต้นเว็บไซต์ด้วยตัวเอง อย่ามองแค่ตัว Web Builder แต่ควรเลือก Hosting ที่ตอบโจทย์ทุกด้านทั้ง ความเร็ว ความเสถียร และการใช้งานง่าย THAI DATA HOSTING พร้อมเป็นผู้ช่วยเบื้องหลังความสำเร็จของเว็บไซต์คุณ เริ่มต้นง่าย ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็สร้างเว็บได้มืออาชีพ

สอบรายละเอียดเพิ่มเติม

Facebook
Twitter
Email

Related Posts

หมวดหมู่ที่น่าสนใจ