cloudflare blocks 11 5 tbps ddos

Cloudflare ไม่ได้แค่กัน DDoS แต่หยุดการโจมตี 11.5 Tbps ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์

เลือกอ่านตามหัวข้อ

โลกออนไลน์ที่ “ล่มไม่ได้”ในปัจจุบัน เว็บไซต์ไม่ต่างจาก “หน้าร้าน” ที่ต้องเปิด 24 ชั่วโมง หากเว็บล่มแม้เพียงไม่กี่นาที ธุรกิจก็อาจเสียลูกค้าหรือรายได้ไปอย่างไม่อาจกู้คืนกลับมาได้

ไม่นานมานี้ Cloudflare บริษัทชั้นนำด้านเครือข่าย และความปลอดภัย ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าการป้องกันที่แข็งแกร่งมีความสำคัญเพียงใด เมื่อระบบของพวกเขาสามารถหยุดการโจมตี DDoS ที่มีปริมาณข้อมูลมหาศาลกว่า 11.5 Tbps ได้อย่างอัตโนมัติ ถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีการบันทึกไว้ในโลกอินเทอร์เน็ต

การโจมตี DDoS 11.5 Tbps เกิดอะไรขึ้น?

cloudflare-blocks 11 5 tbps ddos
  • การโจมตีครั้งนี้มาในรูปแบบ UDP flood ที่พุ่งกระหน่ำข้อมูลเข้ามาเกินกว่า 5.1 พันล้านแพ็กเก็ตต่อวินาที
  • ใช้เวลาเพียง 35 วินาที แต่มีพลังทำลายล้างสูงพอที่จะทำให้เว็บไซต์ขนาดใหญ่หรือระบบออนไลน์จำนวนมากหยุดทำงาน
  • ที่น่าจับตาคือ ทราฟฟิกไม่ได้มาจากแหล่งเดียว แต่กระจายมาจาก อุปกรณ์ IoT และโครงสร้างคลาวด์หลายเจ้า ซึ่งทำให้การป้องกันยิ่งซับซ้อนขึ้น

Cloudflare ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในการป้องกัน ทำให้การโจมตีถูกหยุดก่อนจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องอาศัยทีมงานมนุษย์เข้ามาแก้ไขทันที

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญกับทุกธุรกิจ

  1. ขนาดของการโจมตีโตขึ้นมหาศาล จากระดับ Gbps เมื่อไม่กี่ปีก่อน มาถึง Tbps แล้วในวันนี้
  2. ความเร็วในการโจมตี ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็ทำให้ระบบล่ม หากไม่มีการป้องกันที่ทันสมัย
  3. ต้นทางหลากหลาย เนื่องจากการโจมตีไม่ได้มาจากที่เดียวอีกต่อไป แต่เกิดจากอุปกรณ์และเครือข่ายทั่วโลกที่ถูกยึดครอง
  4. มากกว่าการทำเว็บล่ม เพราะหลายครั้ง DDoS ถูกใช้เป็น “ม่านควัน” เพื่อปกปิดการโจมตีอื่น เช่น การขโมยข้อมูล

บทเรียนจาก Cloudflare ป้องกันไม่ใช่แค่เลือก แต่คือสิ่งจำเป็น

  • ระบบต้องตอบสนองแบบเรียลไทม์ ไม่สามารถรอทีมงานเข้ามาแก้ปัญหา เพราะการโจมตีเกิดขึ้นเร็วเกินไป
  • การป้องกันต้องอัตโนมัติและขยายตัวได้ (scalable) เหมือนคลาวด์แฟลร์ที่สามารถรองรับทราฟฟิกจำนวนมหาศาลในเสี้ยววินาที
  • โฟกัสที่ประสบการณ์ผู้ใช้จริง เป้าหมายไม่ใช่แค่ “กันการโจมตี” แต่คือทำให้เว็บไซต์ยังคงเปิดใช้งานได้ตามปกติ

แล้วธุรกิจทั่วไปควรทำอย่างไร?

แม้ธุรกิจคุณอาจไม่ใช่เป้าหมายใหญ่ระดับโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยจาก DDoS หรือภัยไซเบอร์รูปแบบอื่น ๆ เพราะแฮ็กเกอร์มักเลือกโจมตีธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ป้องกันน้อยกว่า

แนวทางที่ควรทำ

  • ใช้ Web Hosting / Cloud Hosting ที่มาพร้อมระบบ Anti-DDoS
  • ติดตั้ง Firewall L7 + WAF (Web Application Firewall) เพื่อป้องกันการโจมตีหลากหลายชั้น
  • กระจายโหลดผ่าน CDN ลดความเสี่ยงจากการถูกถล่มที่จุดเดียว
  • มี ทีม Support ที่เข้าใจระบบและช่วยแก้ไขได้ทันที

ที่ THAI DATA HOSTING เราออกแบบบริการ Cloud Hosting ที่รวมทั้ง SSD NVMe ความเร็วสูง, LiteSpeed Web Server, Imunify360, Firewall L7 และ Anti-DDoS ไว้ครบ เพื่อให้ธุรกิจไทยมั่นใจได้ว่า เว็บไซต์ของคุณจะพร้อมรับมือกับคลื่นการโจมตีไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน

สรุป

เหตุการณ์ที่ Cloudflare สามารถป้องกันการโจมตี DDoS ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ ไม่ได้เป็นเพียงข่าวด้านเทคนิค แต่มันคือ “สัญญาณเตือน” ว่าโลกไซเบอร์กำลังเข้าสู่ยุคที่การโจมตีรุนแรงและฉลาดขึ้น

ธุรกิจที่มองว่า “เว็บเล็ก ไม่น่าโดนโจมตี” กำลังเสี่ยงพลาดอย่างร้ายแรง เพราะเพียงการโจมตีไม่กี่วินาทีก็สามารถทำให้เสียลูกค้า ความน่าเชื่อถือ และรายได้จำนวนมาก การลงทุนในระบบความปลอดภัยตั้งแต่วันนี้ จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่คือ หัวใจของการทำธุรกิจออนไลน์ที่ยั่งยืน

สอบรายละเอียดเพิ่มเติม
Facebook
Twitter
Email

Related Posts

หมวดหมู่ที่น่าสนใจ