การอัปเดต WordPress ธีม และปลั๊กอินอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณ หากคุณมีความกังวลหรือเคยทำการ อัปเดต WordPress, Theme หรือ Plugins ไปแล้วทำให้เว็บไซต์พัง เข้าไม่ได้ แนะนำว่าควรทำตามขั้นตอนดังนี้
1. สำรองข้อมูล (Backup ก่อนทุกครั้ง)
ใช้ปลั๊กอินเช่น UpdraftPlus, All-in-One WP Migration หรือสำรองผ่าน Hosting Control Panel (เช่น Plesk, cPanel, aaPanel)
สำรอง:
- ไฟล์ทั้งหมดในโฟลเดอร์ public_html หรือ httpdocs
- ฐานข้อมูล MySQL
2. เปิดโหมดบำรุงรักษา (Maintenance Mode) [แนะนำ]
- ใช้ปลั๊กอินเช่น WP Maintenance Mode หรือ SeedProd
- เพื่อป้องกันผู้ใช้เห็นหน้าผิดปกติระหว่างการอัปเดต
3. อัปเดตลำดับที่ถูกต้อง
เพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างปลั๊กอิน/ธีมกับ WordPress core
- อัปเดตปลั๊กอินก่อน
- อัปเดตธีมถัดมา
- อัปเดต WordPress Core เป็นลำดับสุดท้าย
4. วิธีการอัปเดตแต่ละส่วน
อัปเดต WordPress Core
- ไปที่ แดชบอร์ด > อัปเดต
- หากมีเวอร์ชันใหม่ จะมีปุ่มให้คลิก “อัปเดตเดี๋ยวนี้”
อัปเดตปลั๊กอิน
- ไปที่ ปลั๊กอิน > ปลั๊กอินที่ติดตั้ง
- เลือกปลั๊กอินทั้งหมดที่มีการแจ้งเตือน แล้วกด “อัปเดต”
อัปเดตธีม
- ไปที่ รูปแบบ > ธีม
- หากมีธีมที่ใช้อยู่มีการอัปเดต จะมีปุ่ม “อัปเดต”
5. ทดสอบหลังอัปเดต
- ตรวจสอบหน้าเว็บหลัก และหน้าที่สำคัญต่างๆ ว่าทำงานปกติ
- ตรวจสอบปลั๊กอินที่สำคัญ เช่น ตัวจัดการฟอร์ม, SEO, E-Commerce ฯลฯ
6. ปิดโหมดบำรุงรักษา
หากใช้ปลั๊กอิน maintenance ให้ปิดหลังจากตรวจสอบว่าเว็บไซต์ทำงานปกติ
คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรอัปเดตในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานน้อย เช่น กลางคืน
- หากใช้ธีมหรือปลั๊กอินแบบ Custom หรือ Premium ควรตรวจสอบ Compatibility กับเวอร์ชันใหม่ก่อน
- เปิดใช้งาน การอัปเดตอัตโนมัติ (Automatic Updates) เฉพาะปลั๊กอิน/ธีมที่เชื่อถือได้
- หากคุณใช้ระบบจัดการเว็บเช่น Plesk, aaPanel, หรือ DirectAdmin ก็สามารถตั้งค่า Auto Update ได้จากระบบ Hosting ได้เช่นกันนะครับ