DNS และโครงสร้างระบบเครือข่ายของคุณยังปลอดภัยหรือไม่? เพราะตอนนี้แฮกเกอร์เริ่มใช้วิธีล้ำขึ้น พวกเขาไม่ได้เจาะเข้าเครือข่ายโดยตรงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่เลือกใช้ “เครื่องมือของคนดี” อย่าง Cloudflare Tunnel มาเป็นช่องทางในการส่งมัลแวร์อย่างแนบเนียนโดยไม่ถูกจับตา
นี่คือภัยคุกคามที่ทำให้แม้แต่ระบบที่มี Firewall และระบบตรวจจับขั้นสูง ก็อาจมองไม่เห็นการบุกรุกเลยด้วยซ้ำ
แคมเปญมัลแวร์ล่าสุด ซ่อนตัวผ่าน Cloudflare Tunnel
Cloudflare Tunnel คืออะไร?

เป็นบริการที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงระบบภายในองค์กรผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเปิดพอร์ตตรง ซึ่งปกติจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเซิร์ฟเวอร์แบบ Remote แต่แฮกเกอร์กลับใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้แทน
ทำไมภัยนี้ถึงน่ากังวลเป็นพิเศษ?
1. ไม่ตรวจเจอด้วย DNS หรือ Network Firewall ทั่วไป
เพราะการเชื่อมต่อเกิดขึ้นผ่าน Tunnel ที่ถูกเข้ารหัสและวิ่งผ่าน Cloudflare ทำให้เครื่องมือดักจับพฤติกรรมแปลก ๆ ตรวจไม่พบ
2. แฮกเกอร์ไม่ต้องเปิดพอร์ต
การเจาะระบบแบบเดิมมักต้องเปิดพอร์ต เช่น SSH หรือ RDP แต่ในกรณีนี้ มัลแวร์จะสร้าง Tunnel กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ C2 โดยไม่ต้องพึ่งช่องโหว่ของพอร์ตเลย
3. พรางตัวเป็นทราฟฟิกปกติ
เมื่อใช้ Cloudflare ข้อมูลที่ส่งกลับออกไปยังอินเทอร์เน็ตจะดูเหมือนเป็นการใช้งานตามปกติ เช่น browsing หรือ cloud service ทำให้หลุดรอดจากระบบตรวจสอบ
4. เข้าถึงได้แม้หลังระบบถูก Disconnect
หากแฮกเกอร์ตั้งค่า Tunnel ให้สามารถ Reconnect ได้อัตโนมัติ มัลแวร์จะฟื้นการเชื่อมต่อใหม่ได้ทุกครั้งที่เครื่องเชื่อมเน็ต
5. เลี่ยงระบบตรวจจับ Endpoint Protection
โปรแกรมป้องกันมัลแวร์แบบดั้งเดิมหลายตัว ยังไม่สามารถวิเคราะห์ลึกถึงพฤติกรรมระดับ Tunnel ทำให้มัลแวร์นี้แฝงตัวในระบบได้ยาวนานโดยไม่มีใครรู้
แล้วมัลแวร์นี้แพร่กระจายอย่างไร?
มัลแวร์ตัวนี้ (ที่ยังไม่เปิดเผยชื่อแน่ชัด) ถูกส่งเข้าเครื่องเหยื่อผ่านไฟล์แนบในอีเมล หรือไฟล์ดาวน์โหลดปลอมที่อ้างว่าเป็นเอกสาร หรือเครื่องมือทางเทคนิค เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว จะมีการเรียกใช้งาน cloudflared.exe เพื่อสร้าง Tunnel กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี
วิธีรับมือ และป้องกัน

แม้การตรวจจับจะยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะป้องกันไม่ได้ ต่อไปนี้คือแนวทางสำหรับธุรกิจไทยที่ใช้บริการ Email Hosting, Cloud Server หรือมีระบบเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
แนวทางป้องกัน
- บล็อกการใช้งาน Cloudflared แบบไม่ได้รับอนุญาต หากองค์กรของคุณไม่มีเหตุผลต้องใช้ Cloudflare Tunnel ควรตั้ง Policy หรือ Rule ใน Firewall/EDR ให้ตรวจจับและปิดกั้นโปรเซสนี้ทันที
- ตรวจสอบ DNS และ Network Logs อย่างสม่ำเสมอ ถึง DNS จะไม่เห็นทุกอย่าง แต่การมองหา anomaly เช่น request ไปยัง domain ที่ไม่รู้จัก หรือ IP แปลกๆ สามารถช่วยเตือนภัยได้
- ใช้ระบบ Endpoint ที่รองรับการวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavior-based Detection) EDR ที่ดีจะสามารถจับพฤติกรรมผิดปกติ เช่น การรัน Tunnel หรือการติดต่อ C2 ที่ไม่ได้รับอนุญาต
- อบรมพนักงานให้รู้เท่าทันอีเมลปลอม / ไฟล์แนบที่น่าสงสัย Social Engineering ยังคงเป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้ได้ผลมากที่สุด
THAI DATA HOSTING แนะนำอย่างไร?
THAI DATA HOSTING เราแนะนำให้ทุกธุรกิจที่ใช้งาน Email Hosting, Cloud Server, หรือโครงสร้างระบบแบบ Public-Facing เพิ่มระบบเฝ้าระวังทราฟฟิกที่ออกจากภายในสู่ภายนอกควบคู่ไปกับระบบภายใน เช่น:
- ตรวจสอบ Traffic ที่ออกไปยัง Tunnel/Proxy Services
- ใช้ระบบ Email Filtering ที่รองรับ Advanced Threat Protection (ATP)
- สำรองข้อมูลรายวัน พร้อมระบบ Restore อย่างรวดเร็ว
- บล็อก Executable หรือ Script ที่ไม่ได้รับอนุญาตใน User Space
สรุป
การโจมตีที่ใช้ Cloudflare Tunnel เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า แม้แต่บริการที่สร้างมาเพื่อความปลอดภัย ก็อาจถูกดัดแปลงเป็นช่องโหว่โดยแฮกเกอร์ได้
สำหรับองค์กรไทยที่เน้นความมั่นคงในโลกดิจิทัล ควรเริ่มต้นด้วย
- การตรวจสอบระบบเชิงรุก
- ใช้ระบบ Hosting และ Email ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
- อัปเดตเครื่องมือและการฝึกอบรมอยู่เสมอ
หากคุณสนใจย้ายระบบไปยัง Cloud Hosting ที่ปลอดภัยยิ่งกว่า พร้อม Email Hosting ที่มี Anti-Phishing และ ATP เต็มรูปแบบ
➡️ ติดต่อทีมงาน THAI DATA HOSTING ได้เลย เรายินดีให้คำแนะนำฟรี
เว็บไซต์: www.thaidatahosting.com
สอบรายละเอียดเพิ่มเติม
- 02-120-9636
- [email protected]
- Line Official : @THAIDATAHOSTING