wordpress security

10 วิธีป้องกันเว็บไซต์ WordPress จากการโดนแฮ็ก อัปเดตปี 2025

WordPress เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการสร้างเว็บไซต์ แต่ก็เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์เช่นกัน การรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ WordPress จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในปี 2025 ที่เทคโนโลยีและภัยคุกคามมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องเว็บไซต์ของคุณให้ปลอดภัย

1. ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกัน

ใช้รหัสผ่านที่มีความซับซ้อน ประกอบด้วยตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และเล็ก ตัวเลข และอักขระพิเศษ นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ และอย่าใช้รหัสผ่านเดียวกันกับบริการอื่นๆ

Change Password WordPress

2. อัปเดต WordPress, ธีม และปลั๊กอินอยู่เสมอ

WordPress และปลั๊กอินมีการอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่เสมอ ควรตรวจสอบและอัปเดตซอฟต์แวร์ทั้งหมดให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ

ลบปลั๊กอินหรือธีมที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อลดโอกาสถูกโจมตี

WordPress

3. จำกัดจำนวนครั้งในการเข้าสู่ระบบ (Login Attempts)

การจำกัดจำนวนครั้งในการพยายามเข้าสู่ระบบจะช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Brute Force คุณสามารถใช้ปลั๊กอินเช่น “Limit Login Attempts Reloaded” เพื่อป้องกันการพยายามเข้าสู่ระบบซ้ำๆ จากผู้ไม่หวังดี

4. ใช้การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication - 2FA)

เปิดใช้งานระบบ 2FA เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัย โดยให้ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสจากแอปพลิเคชัน เช่น Google Authenticator หรือ Authy ควบคู่ไปกับรหัสผ่านปกติ

5. ใช้ Web Application Firewall (WAF)

ติดตั้ง Web Application Firewall เช่น Cloudflare หรือ Wordfence เพื่อช่วยป้องกันการโจมตีจากแฮ็กเกอร์และบล็อกทราฟฟิกที่เป็นอันตรายก่อนถึงเว็บไซต์ของคุณ

6. ซ่อนหรือเปลี่ยน URL การเข้าสู่ระบบ

ค่าเริ่มต้นของ WordPress ใช้ URL การเข้าสู่ระบบเป็น /wp-admin หรือ /wp-login.php ซึ่งแฮ็กเกอร์สามารถใช้เพื่อโจมตีได้ง่าย แนะนำให้เปลี่ยน URL การเข้าสู่ระบบด้วยปลั๊กอิน เช่น “WPS Hide Login” เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

WPS Hide Login

7. ป้องกันการแก้ไขไฟล์จากแดชบอร์ด

WordPress อนุญาตให้แก้ไขไฟล์ธีมและปลั๊กอินจากแดชบอร์ดได้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แนะนำให้ปิดฟีเจอร์นี้โดยเพิ่มโค้ดนี้ลงในไฟล์ wp-config.php:
				
					define('DISALLOW_FILE_EDIT', true);
				
			

8. ใช้การเชื่อมต่อที่เข้ารหัสด้วย SSL/HTTPS

การใช้ SSL (Secure Sockets Layer) ทำให้การรับส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้และเว็บไซต์ของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากการถูกดักฟังข้อมูลโดยแฮ็กเกอร์

9. สำรองข้อมูลเว็บไซต์เป็นประจำ

การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ หากเกิดการโจมตีหรือปัญหาอื่นๆ คุณสามารถกู้คืนเว็บไซต์ได้ทันที แนะนำให้ใช้ปลั๊กอินสำรองข้อมูล เช่น UpdraftPlus หรือ BackWPup และเก็บสำเนาสำรองไว้ในระบบคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

10. ใช้โฮสติ้งที่มีมาตรการความปลอดภัยสูง

เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่มีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวด เช่น การป้องกัน DDoS, การสแกนมัลแวร์อัตโนมัติ และระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากแฮ็กเกอร์

สรุป

การรักษาความปลอดภัยเว็บไซต์ WordPress ในปี 2025 จำเป็นต้องใช้วิธีการที่ครอบคลุมและทันสมัย ตั้งแต่การตั้งค่าความปลอดภัยพื้นฐาน ไปจนถึงการใช้เครื่องมือป้องกันขั้นสูง การดำเนินมาตรการดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยในระยะยาว

หากคุณกำลังมองหา Hosting สำหรับใช้งาน WordPress โดยเฉพาะสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.thaidatahosting.com/cloud-service/cloud-hosting/wordpress/

Facebook
Twitter
Email

Related Posts

หมวดหมู่ที่น่าสนใจ